เนื่องจากยังมีผู้ใช้ยางรถยนต์อยู่เป็นจำนวนมาก ที่มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้ยางที่ถูกต้องไม่เพียงพอ ทำให้ได้รับผลประโยชน์จากการใช้ยางไม่เต็มที่ ยางสึกหรอผิดปกติ หรือเสียหายขณะใช้งาน ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูญเสียทรัพย์สินหรือชีวิต
ดังนั้นในหัวข้อนี้จะขอกล่าวถึงการใช้และการดูแลรักษายาง หรือเป็นแนวทางใช้ยางที่ถูกต้องปลอดภัยและได้รับผลประโยชน์ถูกจุดการใช้ยาง
การเลือกใช้ยาง
– ควรเลือกใช้ยางขนาดและดอกที่เหมือนกันในเพลาเดียวกัน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการขับขี่ทั้งการทรงตัวและการเบรค
– ควรเลือกขนาดความกว้างของกะทะล้อ ที่เหมาะสมกับยางขนาดนั้นๆ
ความดันลมยาง
– เติมลมยางให้ถูกต้องตามที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์กำหนด ขณะที่ยางยังเย็นอยู่
– เมื่อขับรถด้วยความเร็วสูง หรือขับออกต่างจังหวัดในระยะทางไกล ควรเพิ่มลมยางมากกว่าอัตราปกติ 3- 5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
– ห้ามปล่อยลมยางออก เมื่อความดันลมยางขึ้นขณะกำลังใช้งาน
เพราะความร้อนที่เกิดขึ้นขณะใช้งานเย็นตัวทำให้ความดันลมภายในยางสูงขึ้น
– ควรตรวจดูลมยางเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง
– ในกรณีของยางใหม่ ให้เพิ่มความถี่ในการตรวจเช็คลมยางให้มากกว่าปกติ ( ในช่วง 3,000 กม.แรก )
เนื่องจากโครงยางในช่วงนี้จะมีการขยายตัว ทำให้ความดันลมยางลดลง
– เพื่อป้องกันลมรั่วซึมที่วาล์ว ควรเปลี่ยนวาล์วและแกนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่และมีฝาปิดวาล์วตลอดเวลา
– สำหรับยางอะไหล่ ให้ตรวจเช็คลมยางให้ถูกต้องสม่ำเสมอ
– ขณะเติมลมยาง ควรตรวจดูสภาพยางว่า ยางมีบาดแผลอันตรายหรือไม่ กะทะล้อมีรอยแตกหรือเปล่า
เพราะถ้าหากเติมลมเข้าไปและเกินความสามารถของยางหรือกระทะล้อ จะรับได้ อาจเกิดการระเบิดขึ้น
จนส่งผลให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้ได้
เนื่องจากปัญหาส่วนใหญ่ของการใช้ยางเกิดจากการเติมลมยางไม่ถูกต้อง ดังนั้นผู้ใช้จึงควรให้ความใส่ใจและคำนึงถึงการเติมลมยางที่ถูกต้อง นอกจากเพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่และอายุยางแล้ว ยังเห็นการเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินด้วย
ผลจากการสูบลมยางน้อยกว่ากำหนด
1. ยางจะสึกหรอผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณไหล่ยาง
2. แก้มยางทำงานหนัก ซึ่งอาจทำให้ผ้าใบหักหรือยางเสีย บวมล่อนได้
3. การบังคับเลี้ยวยาก
4. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
5. เนื้อยางบริเวณหน้ายางจะฉีกขาดได้ง่าย ถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงมากกว่า 100 กม./ชม.
6. ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนผิวถนนเปียก การลดลมยางลง จะทำให้ประสิทธิภาพ การรีดน้ำลดลงด้วย
ผลจากการสูบลมยางมากกว่ากำหนด
1. ยางสึกหรอบริเวณกลางหน้ายาง ทำให้อายุยางสั้นลง
2. เกิดการลื่นไถลได้ง่าย เนื่องจากพื้นที่การยึดเกาะถนนลดลง
3. โครงยางระเบิดได้ง่ายเมื่อได้รับแรงกระแทกหรือถูกตำ เนื่องจากโครงยางขยายตัวเต็มที่ทำให้ความยืดหยุ่นตัวลดลง
4. สุนทรียภาพในการขับขี่ลดลง รถสะเทือนและบังคับยากขึ้น
การสลับยางและการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ
การสลับยางนั้นจุดประสงค์เพื่อต้องการให้ยางทุกเส้นมีการสึกของดอกยางเท่ากันสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งล้อหน้าจะเกิดจากความดันยางแล้ว สภาพของศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้องก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ที่ทำให้ยางผิดปกติ และมีอายุการใช้งานสั้นลง
การตั้งศูนย์และถ่วงล้อ นอกจากจะเป็นการเพิ่มอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยลดการสึกหรอผิดปกติลดปัญหาการสั่นเต้น หรืออาการดึงที่พวงมาลัยลงได้อีกด้วย
? เพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานได้นาน ควรสลับยางทุกๆ 10,000 กม.
? โดยปกติควรตรวจสอบศูนย์ล้อ ทุกๆ 4 – 6 เดือน หรือทุกครั้งที่เปลี่ยนยางใหม่ หรือในกรณีที่สังเกตเห็นยางเริ่มสึกหรอผิดปกติ
? ก่อนทำการถ่วงล้อ สิ่งสำคัญคือ ต้องแน่ใจว่าล้อและยางหมุนคล่องไม่แกว่งและกลมจริง เพราะถ้าหากยางอยู่ในสภาพไม่ดี
จะแก้ไขเช่นไร ก็คงจะให้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ได้ยาก
? การถ่วงล้อหลังก็มีความสำคัญเท่ากับการถ่วงล้อหน้า ดังนั้นจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากทำการถ่วงล้อหรือสมดุลล้อทั้ง 4 ล้อในคราวเดียวกัน
การสลับตำแหน่ง 4 ล้อ (ไม่รวมยางอะไหล่)
ยางทั่วไป ยางแบบดอกยางทิศทางเดียว
รถขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ รถขับเคลื่อนล้อหน้า รถทุกแบบ
การสลับตำแหน่ง 5 ล้อ (รวมยางอะไหล่)
ยางทั่วไป ยางแบบดอกยางทิศทางเดียว
รถขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อน 4 ล้อ รถขับเคลื่อนล้อหน้า รถทุกแบบ
หมายเหตุ : เส้นทึบ แสดงทิศทางการสลับตำแหน่ง เส้นปะ คือ อีกทางเลือกของทิศทางการสลับตำแหน่งยาง
ในเรื่องของศูนย์ล้อนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์ ศูนย์ล้อคือการจัดวางแนวทางระยะต่างๆ หรือปรับแต่งกลไกลการบังคับเลี้ยวของระบบช่วงล่างด้านหน้าของรถยนต์ การปรับศูนย์ล้อที่ถูกต้องเหมาะสมมีผลให้
– การบังคับพวงมาลัยที่ง่ายสะดวกสบายและมั่นคง
– สามารถป้องกันการสึกหรอที่ผิดปกติของยาง
โดยทั่วๆไปแล้ว ศูนย์ล้อมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกันอยู่ 4 อย่างคือ มุม Camber , Kingpin , Caster , และมุม Toe
ด้วยเหตุที่ศูนย์ล้อที่ไม่ถูกต้องไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตา ดังนั้นผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงละเลยไม่สนใจเกี่ยวกับศูนย์ล้อ ซึ่งความเป็นจริงแล้วศูนย์ล้อเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากต่ออายุยางรถยนต์ ฉะนั้นผู้ใช้รถทุกท่านจึงควรตระหนักถึงศูนย์ของรถท่านเองและปฏิบัติตามข้อแนะนำที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ
การเปลี่ยนยาง ( Tire Change )
เมื่อยางมีความลึกดอกยางเหลือน้อยกว่า 16 ม.ม.ก็ควรที่จะถอดเปลี่ยน เพราะถ้าใช้ต่อไปจะทำให้ เกิดปัญหาไม่ยึดเกาะถนนลื่นไถลได้ง่ายโดยเฉพาะบนถนนเปียก ความทนทานต่อการถูกตำทะลุลดลง ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
การสึกของดอกยางที่ควรจะเปลี่ยนยางใหม่
จุดกำหนดอายุดอกยาง
ดังนั้น เมื่อยางถูกใช้งานไปเรื่อยๆ ยางก็จะสึกหรอ จนกระทั่งถึงสันนูนของเนื้อยางในร่องยางตามจุดที่กำหนด ก็จะเกิดลักษณะ ” ร่องยางขาดช่วง” ที่ร่องยางบริเวณนั้น ก็แสดงว่ายางเส้นนั้นมีความลึกร่องยางเหลือเพียงประมาณ 2 ม.ม. และหมดอายุการใช้งาน สมควรที่จะเปลี่ยนใช้ยางเส้นใหม่ เนื่องจากถ้าใช้งานต่อไปจะเกิดปัญหาทางด้านประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และการหยุดรถได้